อาการตั้งครรภ์ สังเกตอาการว่าท้องหรือไม่

อาการตั้งครรภ์ สังเกตอาการว่าท้องหรือไม่

การสังเกตอาการตั้งครรภ์ เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสาว ๆ สามารถรู้ตัวได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อาการบางอย่าง เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ หรือรู้สึกอ่อนเพลีย อาการแพ้ท้อง อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ การตั้งครรภ์ 

หากมีอาการเข้าข่ายว่าตั้งครรภ์ ควรได้รับการยืนยันด้วยการตรวจการตั้งครรภ์ อย่างถูกต้อง เพื่อเตรียมตัวฝากครรภ์ และดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้นค่ะ

หัวข้อน่าสนใจเกี่ยวกับอาการตั้งครรภ์

อาการตั้งครรภ์ คืออะไร?

อาการตั้งครรภ์ คือ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายมีการผลิตและปรับระดับของฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะ ฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (hCG) ซึ่งถูกสร้างขึ้นหลังการฝังตัวของตัวอ่อน

อาการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง

อาการตั้งครรภ์มีความหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่สามารถแบ่งกลุ่มอาการหลัก ๆ ได้ดังนี้

อาการคนท้อง ประจำเดือนขาด

อาการทางร่างกายที่ชัดเจน

  • ประจำเดือนขาด (เป็นสัญญาณแรกที่สำคัญที่สุด)
  • คลื่นไส้ อาเจียน (อาการแพ้ท้อง มักเกิดในช่วง 2-8 สัปดาห์แรก)
  • คัดตึงเต้านม/เต้านมขยายใหญ่ขึ้น
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
  • ท้องผูก ท้องอืด
  • การเปลี่ยนสีของผิวหนัง เช่น หัวนมคล้ำขึ้น หรือมีเส้นสีเข้มที่หน้าท้อง
อารมณ์แปรปรวน

อาการทางอารมณ์และความรู้สึก

  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย อ่อนไหว (เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน)
  • ความรู้สึกไวต่อกลิ่น หรือมีรสชาติในปากที่เปลี่ยนไป
  • ความอยากอาหารที่เปลี่ยนไป (อยากกินอาหารที่ไม่เคยกิน หรือเบื่ออาหารที่ชอบ)
สนใจตรวจหาการตั้งครรภ์คลิกเลย
สังเกตอาการท้อง อาการตั้งครรภ์เริ่มแรกอาการคนท้อง ที่พบได้บ่อย

อาการตั้งครรภ์เริ่มแรก ที่พบได้บ่อย

อาการตั้งครรภ์ในช่วงแรก (ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนที่จะทราบว่าประจำเดือนขาด) ที่พบบ่อยมีดังนี้

  • ประจำเดือนขาด เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด
  • คัดตึงเต้านม อาการคล้ายช่วงก่อนมีประจำเดือน แต่อาจเป็นนานกว่าหรือรู้สึกมากขึ้น
  • อ่อนเพลีย ง่วงนอนง่าย รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอ
  • ปวดท้องน้อยหน่วง ๆ เบา ๆ คล้ายอาการปวดประจำเดือน (อาจเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน)
  • ปัสสาวะบ่อย
  • คลื่นไส้/แพ้ท้อง อาจเริ่มต้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2-8
สนใจตรวจหาการตั้งครรภ์คลิกเลย

อาการก่อนประจำเดือนกับอาการท้องต่างกันยังไง

อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) และอาการตั้งครรภ์ระยะแรกมักมีความคล้ายคลึงกันมากแต่มีข้อสังเกตที่ช่วยแยกความแตกต่างได้ดังนี้

อาการก่อนประจำเดือน กับอาการท้องต่างกันยังไง

ประจำเดือน

  • อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS): จะมาตามปกติหลังจากมีอาการ 
  • อาการตั้งครรภ์ระยะแรก: ขาด หรือมาช้ากว่ากำหนด

ปวดท้อง

  • อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) : มักปวดเกร็งหน้าท้องและปวดหลัง รุนแรง ก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน 
  • อาการตั้งครรภ์ระยะแรก : มักปวดท้องน้อยแบบ หน่วงเบา ๆ

คัดเต้านม

  • อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS): อาการจะหายไปเมื่อประจำเดือนมา 
  • อาการตั้งครรภ์ระยะแรก: อาการจะเป็นต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป หรือจนคลอด

คลื่นไส้/อาเจียน

  • อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS): อาจมีอาการ ปวดศีรษะ อาเจียน ก่อนประจำเดือนมา 1-3 วัน จากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง 
  • อาการตั้งครรภ์ระยะแรก: อาการ แพ้ท้อง คลื่นไส้ มักเป็นต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์

หากใครที่มีอาการคล้ายกับอาการ PMS แต่ประจำเดือนขาดหายไป และอาการต่าง ๆ ยังคงอยู่ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรสงสัยว่าอาจมีการตั้งครรภ์ค่ะ

ควรตรวจการตั้งครรภ์เมื่อไหร่

  • หลังประจำเดือนขาด: ควรตรวจการตั้งครรภ์ทันทีที่ประจำเดือนขาดไป 1-2 วัน
  • สามารถตรวจได้เร็วที่สุดประมาณ 7-10 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากการฝังตัวของตัวอ่อน และควรตรวจซ้ำอีกครั้งในอีก 3-7 วันหากผลตรวจครั้งแรกเป็นลบแต่ประจำเดือนยังไม่มา

วิธีตรวจสอบว่าตั้งครรภ์จริงหรือไม่

  • การใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ เป็นการตรวจหาฮอร์โมน hCG จาก ปัสสาวะ เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว มีความแม่นยำสูงเมื่อใช้ถูกวิธี โดยควรใช้ปัสสาวะแรกในตอนเช้าจะมีความเข้มข้นของฮอร์โมนสูงที่สุด
  • ตรวจเลือดหาฮอร์โมน hCG เป็นวิธีที่แม่นยำ และสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วกว่าการตรวจปัสสาวะ
  • การตรวจอัลตราซาวด์ แพทย์จะใช้เพื่อยืนยันการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก (มักทำได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 6-7 ของการตั้งครรภ์) และประเมินอายุครรภ์
สนใจตรวจหาการตั้งครรภ์คลิกเลย

ตั้งครรภ์แล้วควรเริ่มฝากครรภ์เมื่อไหร่

เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือทันทีที่ทราบผลการตั้งครรภ์ หรืออย่างช้าที่สุดคือก่อนสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากการฝากครรภ์เร็วจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสุขภาพของคุณแม่และทารกตั้งแต่เนิ่น ๆ, ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว, ตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่าง ๆ, และเริ่มให้วิตามินที่จำเป็น (เช่น กรดโฟลิก)

อาการแบบไหนควรพบแพทย์ทันที

  • เลือดออกจากช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็นเล็กน้อยหรือปริมาณมาก ควรไปพบแพทย์ทันที
  • อาการปวดท้องน้อยรุนแรง หรือปวดท้องอย่างกะทันหัน
  • อาการแพ้ท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน จนไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลย (เสี่ยงภาวะขาดน้ำ)
  • มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่น
  • น้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตก (แม้จะยังไม่ถึงกำหนดคลอด)
  • ตัวบวม น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่วมกับมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่, ตาพร่ามัว, หรือปวดศีรษะมาก (อาจเป็นสัญญาณของภาวะครรภ์เป็นพิษ)
  • ลูกดิ้นน้อยลง หรือไม่ดิ้น (เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 2-3)

หากพบว่ามีอาการตั้งครรภ์เริ่มแรก เช่น คลื่นไส้ เหม็นกลิ่นอาหาร หรือประจำเดือนขาด แนะนำให้รีบตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อยืนยันผลค่ะ และเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรฝากครรภ์ภายในสัปดาห์ที่ 12 เพื่อให้แพทย์ติดตามพัฒนาการของคุณแม่และทารกได้ตั้งแต่ช่วงต้นนะคะ

อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม พร้อมให้บริการดูแลคุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ทั้งตรวจหาการตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม และฉีดวัคซีนในที่เดียว

บทความที่น่าสนใจ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

Hot Line : 081-562-7722 ทักแชทไลน์ @qns9056c Chat on Whatsapp อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม

 แก้ไขล่าสุด : 30/11/2025

อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com